09 ต.ค. แสง UV บนเครื่องบินอันตรายกว่าที่คิด
“UV บนเครื่องบินอันตรายกว่าที่คิด ”
ถึงแม้ว่าการเดินทางโดยเครื่องบินจะไม่ต้องสัมผัสแสงแดดโดยตรง หรือบางคนก็เดินทางตอนกลางคืนซึ่งไม่เจอแสงแดดอยู่แล้ว ทำให้หลายคนเมินขั้นตอนการป้องกันผิวโดยใช้ครีมกันแดดไป แต่จริง ๆ แล้วครีมกันแดดไม่ได้มีหน้าที่เพียงแค่ช่วยป้องกันผิวจาก แสง UV เท่านั้น แต่ยังช่วยป้องกันผิวจากแสงไฟต่าง ๆ บนเครื่องบินที่อาจจะทำร้ายผิวได้ ดังนั้นเราจึงขอแนะนำให้ทากันแดดก่อนที่จะต้องเดินทางโดยเครื่องบินทุกครั้ง เพื่อช่วยป้องกันผิวแห้งกร้านและถูกทำลายนั่นเอง
ใครที่เดินทางโดยสารด้วยเครื่องบินบ่อย ๆ ต้องระวังนะคะ เพราะรังสี UV ร้ายกว่าที่คิด จริงอยู่ที่กระจกเครื่องบินสามารถกันรังสี UV ได้ แต่ความจริงแล้วแค่บางส่วน โดย สามารถสกัดกั้น รังสี UVB ที่อยู่ในแสงแดดได้ แต่ไม่สามารถสกัดกั้นรังสี UVA ได้และยิ่งบินในระดับที่สูงมากเท่าไหร่ ก็จะทำให้ความเข้มของรังสี UV สามารถเข้ามาทำร้ายผิวผ่านหน้าต่างมากขึ้น โดยเฉพาะ UVA1 หรือ อาจเรียกว่า Long UVA ซึ่งมีความยาวคลื่นมากกว่า UVA2 และ UVB ตามลำดับ
โดยพบว่า Long UVA สามารถทะลุทะลวงสู่โลกได้ถึง 80% ของรังสียูวีทั้งหมด และ Long UVA ก็จัดอยู่ในกลุ่ม UVA
ซึ่งมีผลดังนี้
- สามารถทะลุผิวหนังลงได้ลึกถึงชั้นหนังแท้ (Dermis) ได้มากกว่า UVB ถึง 100 เท่า
- กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาในผิว เช่น การสร้างสารอนุมูลอิสระ Reactive oxygen species (ROS) มากขึ้น
- สามารถทำลาย DNA ของเซลล์ผิวโดยการเกิด Oxidative stress
- ส่งผลทำร้ายต่อผิวหนังตามมาทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ได้แก่ การทำให้เกิด Aging เซลล์ผิวเสื่อมสภาพ ริ้วรอย และจุดด่างดำ
และนอกจากนั้น ในขณะที่เครื่องบินลอยอยู่บนอากาศจะมีความชื้นต่ำ อากาศภายในห้องเครื่องจึงดึงความชุ่มชื้นออกจากผิวเรา ส่งผลทำให้ผิวแห้งขึ้น ดังนั้น เมื่อเราต้องเดินทางโดยเครื่องบิน การใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก
รังสี UVA เป็นสาเหตุให้ผิวแก่ก่อนวัยในขณะที่รังสี UVB อาจจะทำให้ผิวไหม้และสีคล้ำขึ้น รังสีทั้งสองเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง รังสี Long UVA นี้เป็นกลุ่มย่อยของรังสี UVA ที่มีความสามารถในการทำลายชั้นผิวหนังได้ลึกเป็นพิเศษและส่งผลให้เกิดจุดด่างดำ การแพ้แดด และริ้วรอย การป้องกันที่มีประสิทธิภาพควรสามารถกรองได้ทั้งรังสี UVA, UVB และ รังสี UVA ที่มีช่วงคลื่นยาว
โดยวิธีการเลือกซื้อกันแดดที่เหมาะกับการนั่งเครื่องบิน มีดังนี้
- สามารถปกป้องแสงได้ทุกรังสี โดยเฉพาะ แสง UV ควรได้ทั้ง UVB UVA และ LONG UVA(UVA1)
- ควรเลือกสูตรกันแดดที่ออกแบบมาเพื่อป้องกัน การเกิด Skin Aging โดยเฉพาะ
- เลือกกันแดดที่มีสารเดิมความชุ่มชื้นให้กับผิว เช่น สาร Hyaluronic acid เหมาะมากสำหรับใช้ในเครื่องบิน
TINOSORB A2B หรือ Tris-Biphenyl Triazine (nano)
สารกันแดดประสิทธิภาพสูง เป็นตัวกรองรังสี UV นวัตกรรมใหม่ ที่ให้การปกป้องในช่วงกว้างทั้งรังสี UVB & UVA ได้อย่างคลอบคลุม มีประสิทธิภาพในการกัน UV ที่ทรงประสิทธิภาพมาก และมีคุณสมบัติในการปกป้องกว้างไปถึงช่วง HEV/BLUE LIGHT อีกด้วย
Triple Anti-aging Complex นวัตกรรมลดเลือนริ้วรอยชะลอวัย Serine หรือ ซีรีน เป็นกรดอะมิโนที่ช่วยกระตุ้นการสร้าง Hyaluronic Acid
Hyaluronic Acid (HA) หรือ กรดไฮยาลูโรนิก เติมน้ำให้ผิว มีคุณสมบัติเด่นเป็นสารอุ้มน้ำ ช่วยให้ผิวหนังสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้ ส่งผลให้ผิวหนังมีความชุ่มชื้นและเต่งตึง TREHALOSE สามารถปกป้องเซลล์จากการถูกทำร้ายโดยการ form ตัวเองเป็นเยื่อหุ้มเซลล์ด้านนอก ช่วยเสริมความแข็งแรงของ Skin barrier นอกจากนี้ Trehalose ยังเป็นสารที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแบบ Humectant คือสามารถดึงน้ำจากรอบข้างเข้าหาตัวเพื่อกักเก็บ ทำให้เซลล์ผิวอิ่มน้ำส่งผลให้ผิวอิ่มฟูเต่งตึง ทำให้รักษาความชุ่มชื้นให้ได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น
Heliocare 360 Age active Fluid
สามารถปกป้องแสงได้ทุกรังสี (UVB, UVA, Visible light และ IR) มี filter พิเศษ ช่วยป้องกันรังสี UVA และ UVA1 ทั้งยังมีสารให้ความชุ่มชื้น Hyaluronic acid เหมาะสำหรับใช้บนเครื่องบิน
✅ปกป้องผิวจากแสงครบทุกรังสี (รวมถึงแสงสีฟ้า) UVA, UVB, HEVL, IR
✅Tinosorb A2B และ Uvinul A plus สารกันแดดประสิทธิภาพสูงปกป้องผิวจาก UVA รวมไปถึง UVA1
✅ปกป้องผิวผิวด้วยสารกันแดดแบบ Hybrid Filters และ Fernblock สารกันแดดสกัดจากธรรมชาติ (Biological Filter)
✅ปกป้องผิวจาก Visible Light ด้วยสารกันแดด Iron Oxide ผสานกับ Fernblock technology ช่วยเสริมประสิทธิภาพการกันแสงสีฟ้าได้ดียิ่งขึ้น
✅ปกป้องเซลล์ผิว ซ่อมแซม DNA ด้วย GLYCOSYLASE
✅เมื่อใช้ก่อนแต่งหน้า ช่วยปรับสีผิวให้กระจ่างใสและเรียบเนียน
✅ลดเลือนริ้วรอยด้วย SOFT FOCUS COMPLEX
✅Non Comedogenic
✅Suitable for sensitive skin
✅Water & Sweat resistant
การทาครีมกันแดดควรทาก่อนออกแดด 15 – 30 นาที เพราะจะทำให้ครีมกันแดดซึมเข้าผิวของเรา
และทำให้มีประสิทธิภาพกันแดดเพิ่มขึ้น และควรทากันแดด ทุก 2 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม การได้รับรังสี UVA เป็นเวลานานอาจทำให้เกิดความเสียหายต่อผิวหนังได้ เกิดริ้วรอยก่อนวัย และเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็งผิวหนังได้ ดังนั้น การเลือกใช้ครีมกันแดด ร่วมกับการป้องกันในส่วนอื่นๆ เมื่อเราต้องเดินทางโดยเครื่องบิน หรือไม่ว่าจะกิจกรรมไหน ๆ วันที่ต้องเจอแดดจัด หรือแม้กระทั้งวันที่พักผ่อนอยู่ในบ้านเราก็ควรใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด เพื่อการปกป้องผิวจากแสงรังสีต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว เช่น หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์, โทรทัศน์, หรือจอคอมพิวเตอร์ เป็นต้น
No Comments